การเลือกซื้อ Power Bank 2017
ในปัจจุบันสมาร์ทโฟน มีการพัฒนาประสิทธิภาพตัวเครื่องให้ใช้งานได้อย่างครบถ้วน และรวดเร็วเพิ่มขึ้นอย่างมาก มีการเพิ่มฟังก์ชั่นต่างๆ เพิ่มขึ้นมากมาย ทำให้การใช้งานแทบจะตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการดูหนังฟัง เพลง ถ่ายภาพ เป็นต้น ดังนั้นปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้การใช้งานเป็นไปอย่างต่อเนื่องและไม่ขาดตอน คือการมี power bank หรือแบตเตอรี่สำรองไว้ใช้งาน เราจะมาดูวิธีเลือก power bank หรือแบตเตอรี่สำรอง เพื่อให้ได้ power bank หรือแบตเตอรี่สำรอง ที่เหมาะสมกับเราที่สุด
1. ขนาดความจุแบตเตอรี่ของสมาร์ทโฟนที่เราใช้งาน
ในการใช้งาน power bank หรือแบตเตอรี่สำรอง เราจำเป็นต้องรู้ว่าสมาร์ทโฟนของเรามีความจุแบตเตอรี่เท่าไหร่ เพื่อจะใช้ในเลือกซื้อ power bank หรือแบตเตอรี่สำรอง ทำให้เราได้ power bank หรือแบตเตอรี่สำรอง ที่เหมาะสม ไม่มีขนาดใหญ่จนเกินไป และพอดีกับการใช้งานจริงๆ ตัวอย่างความจุของแตเตอรี่สมาร์ทโฟนที่นิยมใช้ในปัจจุบัน
Samsung Galaxy C9 Pro แบตเตอรี่ความจุ 4000 mAh
OPPO R9s Plus แบตเตอรี่ความจุ 4000 mAh พร้อมรองรับเทคโนโลยีชาร์จไว OPPO VOOC Flash Charge
Samsung Galaxy J7+ แบตเตอรี่ความจุ 3000 mAh
Vivo V5 Plus แบตเตอรี่ความจุ 3160 mAh พร้อมเทคโนโลยี Dual Charging Engine
Nokia 6 แบตเตอรี่ความจุ 3000 mAh
Xiaomi Redmi Note 4X แบตเตอรี่ขนาดจุใจที่ 4100 mAh
Huawei GR5 2017 แบตเตอรี่ความจุ 3340 mAh พร้อมระบบประหยัดพลังงานอัจฉริยะ
Lenovo K6 Note แบตเตอรี่ความจุ 4000 mAh
ความจุแบตเตอรี่ของไอโฟนในต่ละรุ่น iPhone 8 - 1,821 mAh / iPhone 8 Plus- 2,675 mAh / iPhone 7 – 1,960 mAh / iPhone 7 Plus – 2,900 mAh /iPhone SE – 1,624 mAh / iPhone 6s Plus – 2,750 mAh / iPhone 6s – 1,715 mAh / iPhone 6 Plus – 2915 mAh / iPhone 6 – 1810 mAh
2. ราคา power bank หรือแบตเตอรี่สำรอง
power bank หรือแบตเตอรี่สำรอง มีราคาตั้งแต่หลักร้อยขึ้นไป ขึ้นอยู่กับ ขนาดความจุของ power bank หรือแบตเตอรี่สำรอง วัสดุที่ใช้ในการผลิต ยี่ห้อของ power bank หรือแบตเตอรี่สำรอง เป็นต้น ในการเลือกซื้อควรเปรียบเทียบราคา ในแต่ละร้านเพื่อให้ได้ราคาที่เหมาะสม ไม่ควรเลือกเพราะราคาถูกที่สุด แต่ควรดูความน่าเชื่อถือของผู้ผลิต และร้านที่วางจำหน่ายด้วย และที่สำคัญต้องมีการรับประกันสินค้าด้วย
3. เลือกจากสินค้าที่ได้มาตรฐานการผลิต
เลือกสินค้าที่ได้มาตรฐานการผลิต หรือ มอก.นั่นเอง โดยสังเกตุจากสลากสินค้าที่สามารถเห็นได้ชัดเจน ทำให้เรามั่นใจเรื่องความปลอดภัยได้อย่างแน่นอน
4. วัสดุในการผลิต
วัสดุที่ใช้ในการผลิต ควรเลือกวัสดุที่มีคุณภาพ มีความแข็งแรง ทนทาน พลาสติกควรเป็นพลาสติกเนื้อแข็ง หรือถ้าเป็นเคสอลูมิเนียม ก็ควรเป็นเคสที่ไม่มีรอยบุบ รอยต่อต่อมีความเรียบร้อย ไม่มีเศษยื่นออกมา
5. การรับประกันสินค้า
การรับประกัน นอกจากเรื่องของการออกแบบดีไซน์แล้วนั้น เรื่องของการรับประกันก็สำคัญ เพราะอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกประเภทนั้น มีโอกาสที่จะเกิดความเสียหายได้เสมอ ดังนั้นหากมีการรับประกันที่ยาวนาน ก็จะทำให้เรามั่นใจในการใช้งานได้ยาวนานมากขึ้นอีกด้วย