ประเภทของฟิล์มกันรอย ตอนที่2
4.ฟิล์มกันรอยแบบกระจก (Mirror Screen Protector)
เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ชอบส่องกระจกเพื่อตรวจสอบความพร้อมของใบหน้าบ่อยๆ แต่ไม่อยากพกกระจก ฟิล์มชนิดนี้จะพิเศษตรงที่เพิ่มชั้นฟิล์มขึ้นมาอีกหนึ่งชั้น ซึ่งเป็นชั้นของกระจกที่คล้ายๆ กระจกเงา จึงทำให้ฟิล์มนี้หนากว่าปกติ และข้อดี คือ ฟิล์มชนิดนี้ใช้ส่องแทนกระจกเงาได้ แต่ข้อด้อยคือ เนื่องจากฟิล์มชนิดนี้มีฟิล์มกระจกเพิ่มมาอีกชั้น เมื่อ มีแสงจัด อาจทำให้มองเห็นหน้าจอไม่ชัด จนอาจไม่เห็นเลย และฟิล์มก็เป็นรอยขีดข่วนง่ายมาก อาจจะต้องเปลี่ยนฟิล์มบ่อยๆ
http://www.thaimobilecenter.com/home/img_stock/2014828_31312.jpg
5. ฟิล์มกันรอยแบบมีลวดลาย (Design Screen Protector)
ฟิล์มสำหรับคนที่ชอบลวดลายหลากหลาย ที่อาจแสดงถึงความเป็นของตัวเองของผู้ใช้ ฟิล์มกันรอยแบบนี้ จะทำคล้ายสติกเกอร์มีลวดลายสำหรับตัวเครื่อง โดยฟิล์มชนิดนี้ จะไม่เน้นการป้องกันรอยขีดข่วน เนื้อฟิล์มจึงไม่ค่อยทนทานเท่าฟิล์มแบบอื่นๆ นอกจากนี้ยังหาซื้อยากสำหรับสมาร์ทโฟนรุ่นที่ไม่เป็นที่นิยมมากนัก
6. ฟิล์มกันรอยแบบกันกระแทก (Anti-Shock Screen Protector)
ปัญหาที่สำคัญของผู้ใช้สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต ที่ต้องเจอกันอยู่เป็นประจำก็คือการทำเครื่องหล่น หรือเกิดกระแทกกับของบางอย่างแล้วหน้าจอแตก ซึ่งทำให้ต้องเสียเงินเปลี่ยนหน้าจอ หรือต้องซื้อใหม่ ดังนั้นผู้ผลิตฟิล์มกันรอยชั้นนำจึงพัฒนาฟิล์มกันรอยแบบกันกระแทก (Anti-Shock) ออกมาโดยเฉพาะ โดยฟิล์มกันรอยประเภทนี้ผลิตด้วยเทคโนโลยีฟิล์ม 4 ชั้น ช่วยดูดซับ และกระจายแรงกระแทก มีการทดสอบโดยทุบด้วย ค้อน กรีดด้วยมีด ลูกตุ้มเหล็ก ป้องกันการขีดข่วน การตกหล่นของวัสดุมากระแทกสมาร์ทโฟนไม่ให้เกิดความเสียหาย ซึ่งจุดเด่นของฟิล์มกันกระแทกแบบนี้ นอกจากตัวฟิล์มจะมีความทนทานต่อแรงตกกระแทกของวัตถุที่กระทบกับหน้าจอ ยังช่วยป้องกันรอยขีดข่วนที่อาจเกิดขึ้นจากการพกพาของผู้ใช้ อีกทั้งแผ่นฟิล์มยังมีความแข็งแรงทนทานกว่าฟิล์มแบบทั่วๆ ไปหลายเท่าเลยทีเดียว
7. ฟิล์มกันรอยแบบกระจกป้องกันการกระแทก (Tempered Glass) หรือ กระจกนิรภัย (Fresh gadget)
การใช้วัสดุประเภทกระจก ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนที่ต้องการคุณสมบัติป้องกันความเสียหายจากแรงกระแทก การทดสอบที่ทำโดยทั่วไปของ กระจกนิรภัย (Fresh gadget) ก็จะมีการทดสอบการป้องกันรอยขีดข่วน โดยใช้วัสดุต่างๆ ได้แก่ กุญแจ คัตเตอร์ มีด ค้อน ลูกตุ้มเหล็ก อีกทั้งยังมี การทดสอบ Drop test ได้แก่ การทิ้งสมาร์ทโฟนจากความสูงมาตราฐาน 110 เซนติเมตร เพื่อทดสอบการทนทานต่อแรงกระแทกจากการตกหรือหล่น ซึ่งตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานที่อาจทำสมาร์ทโฟนร่วงลงพื้น