วิธีการประหยัดแบตเตอรี่มือถือ
1.ปรับความสว่างของหน้าจอให้มืดที่สุด เท่าที่เราสามารถเล่นได้อย่างสบายตา หากหน้าจอสว่างมากเท่าไหร่ สมาร์ทโฟนก็จะยิ่งกินแบตเตอรี่มากขึ้นเท่านั้น เราอาจไม่จำเป็นต้องปรับหน้าจอให้สว่างเต็มที่ตลอดเวลา การปรับความสว่างลงมาเล็กน้อย หากใช้งานในร่ม ในออฟฟิศ ความสว่างระดับ 60-80% ก็ถือว่าใช้ได้ดีแล้ว
2.ปิดระบบสั่น การตั้งสั่นใช้พลังงานมากกว่าปกติ การปิดระบบสั่นจะช่วยประหยัดพลังงานได้พอสมควร
3. ลดเวลาการเข้าสู่ Sleep Mode ให้สั้นลง ตั้งพักหน้าจอไว้ที่ 15-30 วินาที การตั้งพักหน้าจอ หากตั้งไว้น้อยจะช่วยประหยัดแบตเตอรี่มากเท่านั้น
4.ปิด GPS,Bluetooth,3G,Wifi เสมอหากไม่ได้ใช้งาน จะช่วยประหยัดแบตเตอรี่ได้มาก
5.ปิดแอพพิเคชั่รที่ไม่ได้ใช้งานอยู่เสมอ หากเลิกใช้งานควร ปิดโปรแกรมให้หมด ไม่ควรกดปุ่มโฮมเพียงอย่างเดียว ควรปิดแอพพิเคชั่นที่เปิดค้างไว้ด้วย
6. เลือกใช้ Wallpaper โทนมืดสำหรับจอแบบ AMOLED หน้าจอแบบ AMOLED นั้นแต่ละพิกเซลบนหน้าจอมีความสามารถในการเปล่งแสงด้วยตัวเอง การเลือกใช้ Wallpaper รวมถึง Theme ที่มีโทนสีมืดๆ จะช่วยลดการใช้พลังงานของหน้าจออย่างได้ผล และสำหรับสมาร์ทโฟนทุกรุ่น การที่ไม่ใช้ Wallpaper แบบเคลื่อนไหวได้ (Live Wallpaper) หรือการยกเลิกฟีเจอร์ Parallax Effect ใน iOS (ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ใช้พลังการประมวลผลจากชิปกราฟฟิค) ก็ช่วยลดการใช้พลังงานแบตเตอรี่ลงได้เช่นกัน
7. ปิดเครื่องเมื่อไม่ได้ใช้ คือการปิดเครื่องในช่วงเวลาที่เรานอนหลับ หรือช่วงที่ไม่ได้ใช้งานเครื่องต่อเนื่องเป็นเวลาหลายชั่วโมง การทำแบบนี้จะช่วยถนอมพลังงานแบตเตอรี่ได้อย่างเห็นผล
8. ใช้แอปพลิเคชั่น Snapdragon BatteryGuru อีกหนึ่งแอปพลิเคชั่นที่ช่วยยืดระยะเวลาการใช้งานให้อุปกรณ์แอนดรอยด์อย่างเห็นผลคือ Snapdragon BattryGuru ซึ่งเป็นฝีมือการพัฒนาแอปพลิเคชั่นของบริษัทชั้นนำในวงการผลิตชิปประมวลผลสำหรับอุปกรณ์โมบายอย่าง Qualcomm แอปพลิเคชั่นนี้จะเรียนรู้พฤติกรรมการใช้งานของเรา และปรับแต่งการทำงานของสมาร์ทโฟนให้โดยอัตโนมัติ เพื่อยืดระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ และสำหรับอุปกรณ์ iOS ให้ลองใช้แอปพลิเคชั่น Battery Life Magic Pro หรือ Battery Doctor Pro
9. เข้าสู่ Airplane Mode เมื่ออยู่ในพื้นที่ไร้สัญญาณ ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ไม่มีสัญญาณ WiFi ให้เข้าถึง ก็เป็นการดีที่จะเข้าสู่ Airplane Mode (ปิดการเชื่อมต่อสัญญาณโทรศัพท์ และอินเทอร์เน็ตทั้งหมด) เพื่อเก็บพลังงานในแบตเตอรี่ไว้ใช้เมื่อเข้าสู่พื้นที่ ที่มีสัญญาณ อีกทั้งการชาร์จในขณะที่ใช้ Airplane Mode ยังช่วยทำให้ชาร์จแบตเตอรี่เต็มเร็วกว่าปกติอีกด้วย
10. ปิดการแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชัน การแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชั่นทั้งหลายที่ติดตั้งอยู่ในอุปกรณ์ของเรา นอกจากจะทำให้เสียสมาธิในการทำงานแล้ว ก็ยังทำให้เปลืองแบตเตอรี่อีกด้วย เนื่องจากในการแจ้งเตือนแต่ละครั้ง อาจมีการส่งสัญญาณไฟกระพริบ, มีการเปิดหน้าจอ หรืออาจมีการส่งเสียงเตือน จึงสมควรเป็นอย่างยิ่งที่จะปิดการแจ้งเตือน (Notification) ของแอปพลิเคชั่นบางตัวที่ไม่จำเป็น โดยเฉพาะแอปพลิเคชั่นเกมส์ทั้งหลาย
11. อย่าวางตัวเครื่องทิ้งไว้ในที่ ที่มีอากาศร้อน การวางตัวเครื่องสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต ไว้ในที่ ที่มีอากาศร้อน หรือในที่ทีแสงแดดส่องถึงโดยตรง จะส่งผลให้พลังงานแบตเตอรี่ลดลงเร็วกว่าปกติ
12. ตรวจสอบดูว่าอะไรคือตัวการกินแบตเตอรี่ อุปกรณ์แอนดรอยด์มีเครื่องมือที่ช่วยให้ตรวจสอบได้ว่าฟังก์ชันใด หรือแอปพลิเคชั่นใดใช้พลังงานแบตเตอรี่เปลืองมากที่สุด (ไปที่เมนู ตั้งค่า > การจัดการพลังงาน > แบตเตอรี่) เมื่อเรารู้ว่าอะไรเป็นตัวการแล้วก็จะแก้ปัญหาได้ตรงจุด สมมติว่า “หน้าจอ” เป็นตัวการที่กินพลังงานแบตเตอรี่เป็นอันดับต้นๆ ก็สามารถแก้ได้ด้วยการลดความสว่างหน้าจอลง หรือถ้า WiFi เป็นต้นเหตุ ก็อาจะปิดสัญญาณ WiFi เมื่อไม่จำเป็นต้องใช้งาน หรือปิดก่อนเข้านอน เป็นต้น
13. เรียกใช้โหมดประหยัดพลังงานเมื่อแบตเตอรี่ใกล้หมด สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตบางแบรนด์มาพร้อมโหมดประหยัดพลังงาน ตัวอย่างเช่น Stamina Mode ของ Sony ที่ปิดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตทุกช่องทางเมื่อปิดหน้าจอ และจะกลับมาเชื่อมต่อโดยอัตโนมัติเมื่อเปิดหน้าจอใช้งาน เป็นฟีเจอร์ช่วยยืดระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ได้เป็นอย่างดี ส่วน Samsung Galaxy S5 นั้นมี Ultra Power Saving Mode ที่เปลี่ยนการแสดงผลของจอภาพให้เป็นแบบขาวดำ ช่วยยืดเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ออกไปได้อีกเป็นวัน
14. กำหนดให้แอปซิงค์ข้อมูลผ่าน WiFi เท่านั้น การที่แอปพลิเคชั่นต่างๆ ในอุปกรณ์ของเราทำการซิงค์ข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ตย่อมสิ้นเปลืองพลังงานแบตเตอรี่เป็นธรรมดา แต่หากจะปิดการการซิงค์เสียเลยก็จะทำให้แอปพลิเคชั่นนั้นมีปัญหาในการทำงาน ข้อควรรู้คือ การซิงค์ข้อมูลผ่านเครื่องข่าย 3G/4G นั้นกินพลังงานมากกว่าการซิงก์ผ่าน WiFi ดังนั้นหากต้องการประหยัดพลังงานแบบสุดๆ ก็ควรเซ็ตให้แอปพลิเคชั่นต่างๆ ทำการซิงค์ข้อมูลผ่าน WiFi เท่านั้น
15. ลงแอปพลิเคชันเท่าที่จำเป็น หากลงแอปพลิเคชันจำนวนมาก นอกเหนือจากการทำให้หน่วยความจำเครื่องน้อยลงแล้ว ยังมีผลต่อการใช้งานในด้านแบตเตอรี่อีกด้วย หลายๆ แอปพลิเคชันยังคงทำงานเบื้องหลังถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้เปิดเรียกใช้ขึ้นมาก็ตาม ยิ่งมีหลายแอปฯ แบตเตอรี่ก็ยิ่งหมดเร็วมากยิ่งขึ้น ดังนั้นควรลงแอปฯเท่าที่จำเป็นจะดีกว่า