หูฟัง และ บลูทูธ
1.การกำเนิดของหูฟัง
หูฟังมีต้นกำเนิดมาจาก นาทาเนียล บอลด์วิน (อังกฤษ: Nathaniel Baldwin) นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด เป็นผู้ประดิษฐ์ชุดหูฟังวิทยุคนแรก แรกเริ่มการคิดค้นยังไม่ได้รับความสนใจจากนักธุรกิจเท่าไหร่ กระทั่งช่วงต้นสงครามโลกครั้งที 1 กองทัพเรือสหรัฐอเมริกาได้สั่งซื้อชุดหูฟัง 100 ชุด ทำให้วงการชุดหูฟังเป็นที่รู้จักมากขึ้น หลังจากนั้นนักบินสองคนซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทแพนทรอนิกส์ (อังกฤษ: Plantronics) ได้เริ่มผลิตชุดหูฟังที่มีน้ำหนักเบาเหมาะสำหรับการสวมใส่ และทดลองใช้ในเครื่องบินเป็นครั้งแรก เพื่อแก้ปัญหาความไม่สะดวกที่ได้รับจากการใช้หูฟังขนาดใหญ่ ทำให้หูฟังเป็นอุปกรณ์ที่ได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน รวมทั้งพัฒนาให้มีการใช้งานไร้สายหรือที่เรียกกันว่า บลูทูธ
2. ประเภทของหูฟัง
2.1 หูฟังขนาดเล็ก
หูฟังประเภทหูฟังขนาดเล็ก เป็นหูฟังที่ถูกพัฒนามาจากหูฟังขนาดกลาง หูฟังจะมีขนาดเล็กกว่าใบหู เพื่อที่จะพกพาและสามารถใช้งานได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้น จุดเด่นของหูฟังประเภทนี้คือ มีระยะที่ใกล้กับหูทำให้ได้ยินเสียงทุกเสียงที่ชัดเจน ป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอกได้ดี และมีน้ำหนักเบาทำให้พกพาได้สะดวก จุดด้อยของหูฟังประเภทนี้คือ ทำให้ไม่ได้ยินเสียงภายนอกที่เกิดขึ้นรอบ ๆ ตัว เนื่องจากเวลาใช้งานจะต้องใส่เข้าไปในรูหูให้แน่น จึงอาจทำให้เกิดอันตรายได้ หากใช้ขณะทำกิจกรรมบางประเภท เช่น การขับรถหรือการเดินทางเท้าที่มีการจราจรหนาแน่น และอัตราคุณภาพต่อราคามีความคุ้มค่าน้อยที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกับหูฟังประเภทอื่น ๆ
หูฟังประเภทหูฟังขนาดเล็กสามารถแบ่งออกได้อีกเป็น 3 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้
1) Ear Bud หูฟังประเภทนี้จะมีลักษณะกลมแบนขนาดใหญ่กว่ารูหูไม่มาก เมื่อสวมใส่หูฟังตัวหูฟังจะปิดรูหูไว้พอดี บางชนิดจะมีตัวไมโครโฟนอยู่ที่สายของหูฟังด้วย เพื่อที่จะเอาไว้ใช้พูดคุยติดต่อสื่อสารได้ (การคุยโทรศัพท์) หูฟังประเภทนี้เป็นหูฟังที่มีขายอยู่ตามทั่วทุกที่อย่างมากมาย เหมาะสำหรับผู้ที่จะเริ่มใช้หูฟังเพราะว่าสามารถหาซื้อได้ง่าย เป็นที่รู้จักกันในคนหมู่มาก เมื่อเราซื้อมือถือหรือเครื่องเล่นเพลงแบบพกพา หูฟังที่ทางร้านแถมมาให้นั้นส่วนใหญ่ก็จะเป็นหูฟังประเภทนี้ ดังนั้นเมื่อมีการกล่าวถึงหูฟังคนส่วนมากจะรู้จักและนึกถึงหูฟังประเภทนี้ แต่หูฟังประเภทนี้อาจจะไม่เหมาะสมสำหรับผู้ที่นิยมชื่นชอบในการเล่นหูฟัง เพราะว่าหูฟังประเภทนี้นั้นจะออกแบบออกมาให้ดีมากนั้นทำได้ยาก เนื่องจากมีข้อจำกัดในเรื่องของขนาดส่งผลให้ระยะของเสียงจากตัวหูฟังไปยังแก้วหูนั้นอยู่ในระยะที่ใกล้มาก ทำให้คุณภาพของเสียงที่ผู้ฟังได้รับนั้นจะมีประสิทธิภาพลดลงไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับยี่ห้อหรือผู้ผลิตหูฟังด้วยว่าผู้ผลิตนั้นได้ทำการผลิตออกมาเป็นอย่างไร ถ้าเป็นของยี่ห้อที่ไม่มีชื่อเสียงที่ทำการลอกเลียนแบบยี่ห้อที่มีชื่อเสียงนั้น หูฟังที่ผลิตออกมาก็จะมีคุณภาพเสียงที่ไม่ดีและหูฟังอาจจะพังง่ายเพราะสายไฟด้านในขาด เป็นต้น
2) In Ear หูฟังประเภทนี้มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Ear Plug หูฟังประเภทนี้จะมีจุกยางโค้งมนครอบตัวปล่อยเสียงไว้เพื่อสวมใส่เข้าที่รูหู ขนาดของจุกยางจะมีหลายขนาดตามความเหมาะสมของผู้ที่จะนำไปใช้ หูฟังประเภทนี้กำลังก้าวมาเป็นหูฟังที่นิยมใช้กันในปัจจุบันเป็นอย่างมาก ใกล้จะมาแทนที่หูฟังประเภท Ear Bud ได้อย่างเต็มตัว จากการที่เห็นได้จากปัจจุบันนี้ร้านค้าที่ขายเครื่องเล่นเพลงแบบพกพาหรือร้านขายโทรศัพท์มือถือก็เริ่มที่จะให้หูฟังประเภทนี้มาเป็นของแถมแทนที่หูฟังประเภท Ear Bud จึงเป็นข้อสังเกตของค่านิยมที่กำลังจะเปลี่ยนไป หูฟังประเภทนี้จะให้เสียงที่มีรายละเอียดดีมีความเพี้ยนต่ำเพราะว่าตัวลำโพงของหูฟังจะมีขนาดเล็กและอยู่ใกล้กับโครงสร้างของหูในส่วนที่ใช้รับเสียงมากกว่าหูฟังประเภทอื่น ส่งผลให้ไม่ต้องเปิดเสียงดังมากจนทำให้เสียงเกิดความเพี้ยนขึ้นมา หูฟังประเภทนี้จะให้มิติของเสียงได้ดีเนื่องจากตอนใช้งานจะต้องใส่ลงไปในรูหูให้พอดี ซึ่งจะช่วยป้องกันเสียงจากภายนอกไม่ให้เข้าไปรบกวนได้
3) Hybrid หูฟังประเภทนี้เกิดขึ้นจากการผสมผสานระหว่างหูฟังประเภท Ear Bud และหูฟังประเภท In Ear โดยที่ตัวฐานจะมีลักษณะกลมและแบนเหมือนกับหูฟังประเภท Ear Bud ส่วนตัวลำโพงจะต่อยื่นจากฐานออกมาโดยมีรูปทรงคล้ายหูฟังประเภท In Ear คือจะมีจุกยางที่โค้งมนไว้เพื่อสวมใส่เข้าที่รูหู ในปัจจุบันหูฟังประเภทนี้ยังไม่ได้รับความนิยมจากผู้ที่ชื่นชอบการใช้หูฟัง อีกทั้งบริษัทที่ทำการผลิตหูฟังประเภทนี้ก็ยังมีน้อย ทำให้หูฟังประเภทนี้คนส่วนใหญ่จะไม่รู้จักหรือไม่รู้ว่ามีหูฟังประเภทนี้อยู่
2. หูฟังขนาดกลาง
หูฟังประเภทหูฟังขนาดกลาง เป็นหูฟังที่มีขนาดใหญ่กว่าหูฟังขนาดเล็กเพียงเล็กน้อย ถูกออกแบบเพื่อความสะดวกสบายในการพกพามากขึ้นเมื่อเทียบกับหูฟังขนาดใหญ่ ลักษณะของหูฟังขนาดกลาง ออกแบบให้มีขนาดใกล้เคียงกับใบหู เมื่อใส่แล้วจะแนบหูพอดี ไม่ครอบปิดหูทั้งหมดเหมือนแบบหูฟังขนาดใหญ่ จุดเด่นของหูฟังขนาดกลางคือ จะได้คุณภาพเสียงที่ดีขึ้นจากหูฟังขนาดเล็กเพราะว่าหูฟังขนาดกลางจะมีตัวขับเสียงที่ใหญ่กว่าหูฟังขนาดเล็ก ทำให้มีเวทีของเสียงที่กว้างกว่า จุดด้อยของหูฟังขนาดกลางคือ การป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอก จะทำได้ไม่ดีเท่าหูฟังขนาดเล็ก และเนื่องจากน้ำหนักและขนาดที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับหูฟังขนาดเล็ก ทำให้หูฟังขนาดกลางจะไม่เหมาะสมสำหรับการทำกิจกรรมที่ต้องมีการเคลื่อนไหวตลอดเวลา เช่น การวิ่ง การออกกำลังกาย เป็นต้น
หูฟังประเภทหูฟังขนาดกลางสามารถแบ่งออกได้อีกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้
1) Street Style หูฟังประเภทนี้จะมีลักษณะเป็นหูฟังที่มีก้านเชื่อมหูฟังทั้งสองข้างอ้อมไปทางด้านหลังหัวหรือจะเป็นก้านเชื่อมหูฟังทั้งสองข้างแบบคาดหัว แบบแรกจะมีก้านล็อกตรงใบหูเพื่อช่วยให้ลำโพงแนบสนิทกับใบหูมากยิ่งขึ้นแต่ถ้าเป็นแบบคาดหัวที่ก้านจะไม่มีที่ล็อกตรงใบหู ตัวลำโพงของหูฟังประเภทนี้จะมีขนาดแนบพอดีกับใบหู ในปัจจุบันหูฟังประเภทนี้ก็มีการใช้กันในกลุ่มคนส่วนน้อยเพราะไม่ค่อยได้รับความนิยมมากนัก
2) Ear Clip หูฟังประเภทนี้จะมีลักษณะเป็นหูฟังที่มีก้านล็อกตรงใบหูทั้งสองข้าง แต่จะไม่มีก้านที่เชื่อมหูฟังทั้งสองข้างเหมือนกับหูฟังประเภท Street style เพราะว่าจะทำให้ใส่แล้วรู้สึกไม่สบายและยังทำให้พกพาได้สะดวกมากยิ่งขึ้นอีกด้วย ตัวลำโพงของหูฟังประเภทนี้ก็จะมีขนาดแนบพอดีกับใบหู หูฟังประเภทนี้ได้รับความนิยมพอสมควร เนื่องจากพกพาได้สะดวกและราคาไม่สูงจนเกินไป อีกทั้งตัวหูฟังใส่แล้วไม่หลุดง่าย ทำให้คนส่วนใหญ่เลือกใช้หูฟังประเภทนี้
3. หูฟังขนาดใหญ่
หูฟังประเภทหูฟังขนาดใหญ่ จะมีขนาดที่ใหญ่ สามารถแนบบนใบหู หรือครอบปิดได้ทั้งใบหู ส่วนมากจะมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางไม่ต่ำกว่า 10 เซนติเมตรต่อหนึ่งข้าง และมีก้านคาดหัวระหว่างสองข้างทุกคู่ ลักษณะเด่นของหูฟังขนาดใหญ่คือ จะมีลำโพงขนาดหญ่พอที่จะครอบหูได้ทั้งหมด ช่วยให้เสียงที่ได้มีคุณภาพ มีบรรยากาศ มีมิติที่ดี และมีรายละเอียดของเสียงมากกว่าหูฟังประเภทอื่น ๆ ทั้งหมด ทำให้เสียงที่ได้ยินนั้น ใกล้เคียงกับลำโพงเครื่องเสียงที่ใช้ภายในบ้าน ที่ลำโพงจะมีฟองน้ำปิดทับครอบหูไว้ ทำให้ตัวลำโพงไม่ต้องกดทับที่ใบหูมาก ทำให้ใส่สบายไม่รู้สึกเจ็บใบหูเวลาใช้งานไปนาน ๆ และคุณภาพต่อราคามีความคุ้มค่ามากที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับหูฟังประเภทอื่น ๆ ข้อด้อยของหูฟังขนาดใหญ่คือ มีขนาดที่ใหญ่และน้ำหนักที่มาก ทำให้พกพาไม่สะดวก จึงเหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องเคลื่อนไหวตลอดเวลา
หูฟังประเภทหูฟังขนาดใหญ่สามารถแบ่งออกได้อีกเป็น 3 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้
1) หูฟังแบบเปิด หูฟังประเภทนี้จะมีลักษณะเด่นคือเสียงจะสามารถผ่านออกทางด้านข้างของตัวหูฟังได้ เพื่อที่จะทำให้ผู้ใช้หูฟังสามารถฟังได้นานโดยไม่รู้สึกอึดอัด หูฟังประเภทนี้เหมาะสำหรับผู้ใช้ฟังเพลงทั่วไปและใช้งานในที่พักอาศัยเพราะว่าจะมีเสียงภายนอกเข้ามารบกวนได้ ในปัจจุบันหูฟังประเภทนี้ก็จะได้รับความนิยมจากผู้ที่ชื่นชอบการใช้หูฟังเนื่องจากคุณภาพเสียงที่ได้จะมีคุณภาพอยู่ในขั้นดี แต่หูฟังขนาดใหญ่ทุกประเภทก็จะมีราคาที่สูง จึงไม่เหมาะกับคนที่ไม่ได้ชื่นชอบในตัวหูฟังและการฟังเพลงมากนัก
2) หูฟังแบบปิด หูฟังประเภทนี้จะมีลักษณะที่สำคัญคือด้านข้างของตัวหูฟังจะถูกปิดเอาไว้อย่างดี เพื่อป้องกันไม่ให้เสียงจากภายนอกเข้ามารบกวนได้ ถ้ามีก็จะมีในปริมาณที่น้อยมาก ในทางกลับกันเสียงจากหูฟังก็จะไม่ดังออกมาภายนอกได้เช่นกัน หูฟังประเภทนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากกับผู้ที่มีอาชีพจัดรายการเพลงหรือรายการวิทยุ เพราะว่าสามารถป้องกันเสียงจากภายนอกได้เป็นอย่างดี และยังได้รับความนิยมจากผู้ที่ชื่นชอบในหูฟังอีกด้วย
3) หูฟังแบบกึ่งเปิดกึ่งปิด หูฟังประเภทนี้จะมีลักษณะเด่นคือเสียงจากตัวหูฟังสามารถออกมาภายนอกได้เล็กน้อยและเสียงจากภายนอกก็สามารถผ่านเข้าไปได้เล็กน้อย หูฟังประเภทนี้เป็นหูฟังที่วิศวกรเสียง(Sound Engineer)ใช้ในการทำงาน แต่คนทั่วไปก็สามารถนำมาใช้ได้ตามปกติเช่นกันขึ้นอยู่กับความชื่นชอบของแต่ละบุคคล